เทรดประสบความสำเร็จได้แม้ว่า Indicator จะพลาด
เทรดประสบความสำเร็จได้แม้ว่า Indicator จะพลาด
ก่อนหน้านี้ สมัยที่การใช้ Indicator ยังทำได้ดี เช่น Momentum สามารถบอกจุดเกิด Divergence ได้ล่วงหน้า
Volume นั้นจะมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อ
เพื่อบอกให้เรารู้ว่าถึงเวลาต้อง Buy แล้ว และถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น
พวกมันก็จะร่วงทันทีทำให้เราตัดขาดทุนได้ทันเวลา
|
ในตอนเดือนมกราคม และ
ต้นเดือน กุมภาพันธ์ปี 2007 ตลาดหุ้นเกิด
Divergence แต่ว่าราคายังคงสุงขึ้น รูปแบบการเกิด breakouts
ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ทำให้นักเทรดออกจากตลาดเสียก่อนที่ราคาจะวิ่ง |
|
รุปที่ 1 |
|
ที่มา : eSignal |
|
|
|
รูปที่ 2 |
|
ที่มา : eSignal |
เมื่อมันไม่เป็นไปตามแผน
ราคาที่เคยสูงสุด ร่วงลงเหมือนโดมิโน แม้ว่าราคาทองคำ
ราคาน้ำมันจะเคลื่อนไหวขึ้น หรืออัตราดอกเบี้ยก็ปรับขึ้น
แม้ว่าเหตุการณ์แบบนี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้น
แต่ว่ามันก็เกิดขึ้นแล้ว
ณ จุดนี้ มันดูเหมือนจะสายเกินไป
เพราะว่าตลาดภาวะกระทิงมันเกิดติดต่อกันมา 4 ปีแล้ว
และมันเป็นการวิ่งขึ้นไม่หยุดเป็นอันดับสองเท่าที่เคยบันทึกมา ไม่น่าจะต่ำกว่า 10 % เพียงแค่
8 % ก็ยอดเยี่ยมแล้ว
แต่ว่าตอนนี้มันกำลังจะหมดเทรนด์แล้ว
ที่แย่ไปกว่านั้น จากจุดทางจิตวิทยา
จะเห็นกราฟหุ้นรายวันจะพยายามเกิดจุดกลับตัวเป็น จุดซื้อตลอดเวลา
แล้วคลื่น C ของ Elliot wave ที่หลาย
ๆคนบอกอยู่ไหน? แล้วเรื่องของวงจรตลาดหมีที่ต้องตามด้วยตลาดกระทิง หล่ะ?
ในเดือน มีนาคม ปี 2007 การเคลื่อนไหวยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปริมาณนั้นยังคงอ่อนแรงและ momentum มีน้อยเหลือเกินในไม่ช้านี้
การเกิดขาลงจะเริ่มขึ้นเป็นแน่
เดือนเมษามาถึง และ ผ่านไป ดัชนีหุ้นหลัก ๆ
ยังคงทำราคาสูงสุดเกือบทุกวัน หน้าจอหุ้นยังคงมีแต่คนซื้อ และบอกว่าฉันต้องซื้อหุ้นตามสัญญาซื้อ
แต่ว่าเรายังอยู่ในขาลง แต่ว่าเข้าซื้อแทบจะเต็มที่!
จุดบอดของ Indicators, กับผลตอบแทนที่คุ้มค่า
ตอนต้นเดือนนักวิเคราะห์หลาย ๆ
คนกำลังมองย้อนไปในช่วงเวลาก่อนหน้าเมื่อ Dow jones กำลังเป็นขาขึ้นหลาย
ๆ วันติดกัน ณจุดหนึ่ง มันขึ้นทุกวัน เป็นเวลา 24 วันจาก
27 วัน
ซึ่งแทบจะเทียบเท่าสถิติ 80 ปีก่อนห้าที่36 วันขึ้น
30 วัน
กราฟข้างล่างแสดงให้เห็นถึงเทรนด์ที่มีความชัน และ Indicator ที่บอกโมเมนตั้มกำลังเคลื่อนที่เข้าสุ่จุดกลับตัว
แต่ว่า ตัว Volume
เองยังไม่น่าประทับใจนัก ซึ่งทุก ๆ
อย่างไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่กราฟทางเทคนิคควรจะเป็นอีกครั้ง แต่ว่า มันก็เกิดขึ้นแล้ว
แม้ว่าเราจะสนใจการไปต่อของราคา แต่ไม่สนใจปัจจัยภายนอกว่า
มันจะผลักดันราคาอย่างไร เพราะว่า เรื่องพวกนี้ไม่ได้อยู่บนกราฟ เช่นปริมาณของสภาพคล่องในตลาดโลก
หรือว่า แม้ว่าหุ้นในพอร์ทของเราจะเขียวทั้งหมด และไม่ใช่แค่เขียวเล็ก ๆ
แต่ว่ากำไรเยอะมาก กำไรเต็มไปหมด
ต้องขอบคุณตลาดที่วิ่งขึ้น มา แต่ว่ามันต้องใช้วินัยและการวิเคราะห์หุ้น
ที่ต้องให้เครดิตกับกำไรครั้งนี้
ขาลงนี้เกิดตามรูปแบบในหุ้นรายตัวโดยไม่สนใจตลาดโดยรวมว่าจะเป็นอย่างไร จุด Breakout เกิดขึ้น Stop loss จะต้องตัดขาดทุนทันที่เมื่อมันมาถึงราคานั้น
ไม่มีการลังเล และออร์เดอร์เหล่านี้ที่ปิดไปแล้วเพราะว่า
มันกำไรเป็นที่น่าพอใจแล้ว แต่ว่าออร์เดอร์ส่วนใหญ่ของเราได้กำไรต้องเยอะ
พยายามให้ตลาดหมี อยู่ในกำมือเรา
ในภาวะขาลงสิ่งที่มีส่วนเข้ามาในการเลือกหุ้นและ
การจัดการพอร์ทโฟลิโอคือการตั้ง Stop loss แคบเกินไป และตั้ง Trailing Stop สูงเกินไปซึ่งทำให้หลายๆ
ออร์เดอร์ต้องปิดไปก่อน
ความแข็งแกร่งของตลาดกระทิงจะป้องกันเหตุการณ์ผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้น
ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นถือว่าโชคเข้าข้างเทรดเดอร์
ทำกำไรจากการเข้าซื้อกิจการ
อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดตลาดหมียาก คือ
การเพิ่มจำนวนของผู้เข้าซื้อกิจการหรือว่า การควบรวมกิจการ คำว่า "private equity" ตอนนี้เป็นข่าวแทบทุกคน
และมีเงินมหาศาลที่จะรอซื้อเพื่อเข้าทำกำไร
น่าสงสารหมีที่น่าสงสารเพราะมันต้องถูกเปลี่ยนให้เป็ฯกระทิง
แล้วเราต้องทำอย่างไร ควรจะซื้อตามสัณญาณตามเทคนิค และ
ทำกำไรเมื่อหลังจากมีการเข้าซื้อกิจการ
อีกครั้ง ไม่มีความรู้ที่ทำให้เราได้เปรียบ แม้แต่การวิเคราะห์ทางเทคนิคในกรณีที่เกิดสถานการณ์การเข้าซื้อกิจการนี้แค่การใช้การอ่านกราฟธรรมดา
แล้วสามารถทำให้เรารุ้ว่าเราควรจะทำอย่างไร
แล้วก็ขายตอนที่พวกเขากำลังเข้าซื้อ และ ซึ่งการทำกำไรลักษณะนี้อาจจะได้ถึง 40% เพียงแค่การถือหุ้นไม่ถึงเวลา
สัปดาห์
การ short หุ้นหลาย ๆ ตัวก็ไม่น่าเกลียดมากนัก
มันเป็นคัมภีร์ของการอ่านกราฟ เมื่อเรา short หุ้นเป็นกลุ่มก็สามารถทำกำไรได้ในขณะที่ตลาดกำลังทำสถิติใหม่
แล้วเราได้เรียนรู้อะไร
เรายังทำกำไรได้แม้ว่า เราจะเดาทิศทางตลาดผิด เราก็ยังทำกำไรได้แม้ว่า
เราจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างว่าอะไรควร หรือไม่ควรที่จะเกิดขึ้น
ข้อควรจำ : ไม่มีอะไรเลวร้ายในเกมส์การเทรดไปกว่าการคิดว่าคุณรู้ว่าตลาดจะไปทิศทางไหนและยึดมั่นกับความคิดนั้นมากเกินไป
ดังนั้นตามตลาด และใช้สัญญาณทางเทคนิค เชื่อมั่นใน Stop loss ของคุณ
และมั่นใจว่าถ้าจะทำกำไรถัวเฉลี่ยต้องมี Position พอ
เราไม่อาจจะได้กำไรจากหุ้นทุกตัว แต่ว่า
พอร์ทโฟลิโอควรจะมีสัดส่วนของหุ้นที่ได้กำไร ต่อหุ้นที่ขาดทุน เยอะเพื่อสุขภาพของพอร์ทที่ดีของเรา
ในวันนั้น
โดย Michael Kahn
www.investopedia.com
Comments
Post a Comment